Filler ฟิลเลอร์ คือ เทคโนโลยีการฉีดสารเพื่อเติมเต็มผิว เป็นสารประเภท Hyaluronic Acid ไฮยาลูโรนิคแอซิด หรือที่เรารู้จักและเรียกกันสั้นๆว่า “HA” เป็น Polysaccharide (โพลีแซคคาไรด์) เมื่อผสมสารดังกล่าวรวมกับน้ำ จะเกิดการขยายตัวอยู่ในรูปของเนื้อเจล ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่อยู่ในผิวหนัง มีหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำของชั้นใต้ผิว รวมไปจนถึงการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงและคืนความยืดหยุ่นให้แก่ผิวที่สลายไปตามอายุที่ร่วงโรย ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังของเรา ให้ริ้วรอยดูลดเลือนลงและดูตื้นขึ้น กระตุ้นให้ผิวดูอ่อนเยาว์ดูเด็กกว่าวัย มีน้ำมีนวล เกิดความยืดหยุ่นและเนียนเรียบ ผิวดูอิ่มฟูยืดหยุ่นและเต่งตึง และคืนความยืดหยุ่นให้แก่ผิวที่สลายไปตามอายุที่ร่วงโรยตามกาลเวลา นอกจากนี้ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ถูกนำมาใช้ในการปรับแต่งส่วนต่างๆ บนใบหน้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดหรือศัลยกรรม และไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
ฟิลเลอร์อันตรายไหม?
หากใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็นสาร HA (Hyaluronic acid) 100% ฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐานก็จะมีความปลอดภัยสูง แต่หากใช้สารอื่นฉีดแทนฟิลเลอร์ เช่น ฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนหรือฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่หมอก็จะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นควรคำนึงถึงความปลอดภัยเอาไว้ก่อนดีที่สุดค่ะ
ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการเติมเต็มผิวหน้าอย่างเร่งด่วน เน้นการเห็นผลทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีริ้วรอยที่ดูแก่กว่าวัย หรือมีร่องลึกใต้ดวงตา บริเวณมุมปากหรือบริเวณต่างๆ ในตำแหน่งที่เกิดปัญหาบนใบหน้า เพื่อความสวยงามและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาในส่วนต่างๆ ดังนี้
- การแก้ไขจุดบกพร่องส่วนต่างๆ บนใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ไขร่องตาลึก คล้ำ มีริ้วรอย การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มเพื่อลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็ม
- การเติมเต็มบริเวณต่างๆ บนใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์เติมหน้าผาก การฉีดฟิลเลอร์เติมคาง
- การปรับแต่งส่วนต่างๆ บนใบหน้าให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เช่น การฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม รวมไปถึงบริเวณขมับ แก้ม ฉีดเพื่อยกกระชับและปรับโครงสร้างบนใบหน้าให้ได้รูปมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้กับทุกคนหรือไม่?
ท่านสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อความสวยงาม ปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ปรับรูปหน้าให้สมส่วน สดใส เต่งตึง หน้าเด็กลงได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ มาดูกันค่ะว่าใครบ้างที่ห้ามฉีดฟิลเลอร์
-ผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด สตรีมีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร
-ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก มีแผลฟกช้ำง่าย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ยาแก้อักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด, สารสกัดจากใบแปะก๊วย วิตามินอี
-ผู้ที่เป็นเริม หรืองูสวัด
ฟิลเลอร์จึงอันตรายสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลให้ดี และดูก่อนว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่ค่ะ
ต้องฉีดฟิลเลอร์กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันทีในครั้งแรก โดยปกติฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้และการดูแลตัวเอง รวมไปถึงสภาพผิวของแต่ละคนนั่นเอง
อายุเท่าไหร่ถึงจะฉีดฟิลเลอร์ได้
ในทางการแพทย์แล้วไม่ได้มีข้อกำหนดว่าควรเริ่มทำตอนอายุเท่าไหร่ โดยปกติหากจะทำหัตถการใดๆ ก็ตาม ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป หากอายุน้อยกว่านั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิว โครงหน้าก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ริ้วรอยเริ่มมีมาให้เห็น มักพบตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งจุดแรกที่จะสังเกตเห็นได้ก่อน คือ ร่องใต้ตา และร่องแก้มที่เริ่มยุบตัวลง ซึ่งท่านสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าก่อนทำหัตถการได้
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์
-สามารถทายา ลดการเกิดรอยจ้ำเขียว หรือรอยช้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์
-งดวิตามิน อาหารเสริม บุหรี่ แอลกอฮอล์ และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ก่อนทำ 1 สัปดาห์
-หนึ่งสัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบ เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังการฉีดฟิลเลอร์
-หนึ่งสัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาหรือสารสกัดที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น น้ำมันปลา กระเทียม วิตามินอี สารสกัดโสม ใบแปะก๊วย รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน
-หากมีโรคประจำตัวและมียาที่ต้องทานอยู่เป็นประจำ ควรแจ้งข้อมูลเพื่อแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบทุกครั้ง
-หากมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบก่อนทุกครั้ง เพราะการฉีดฟิลเลอร์ในบางตำแหน่งจำเป็นต้องฉีดยาชาร่วมด้วยค่ะ
-หากมีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิก หรือเป็นผู้ที่ประสบปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก และกลุ่มคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อนจะดีกว่าค่ะ
-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
-สามารถทายา ลดการเกิดรอยจ้ำเขียว หรือรอยช้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์
-หากมีอาการปวด สามารถกินยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ได้
-ให้ประคบเย็น ประมาณ 10 นาที ทุกชั่วโมง ในวันที่รับการรักษา (ไม่ควรประคบน้ำแข็งโดยตรงลงบนผิวหนัง)
-ทานยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้หมด
-หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การทำเลเซอร์ ซาวน่า เป็นต้น
-หลีกเลี่ยงการแตะ กดจุด คลึงหรือนวดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการบวมแดงจะหายเป็นปกติภายใน 2-3 วัน แต่หากมีอาการบวมมากขึ้นผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาโดยเร็ว
-งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารหมักดอง นอกจากนี้ไม่ควรขยับผิวในจุดที่ทำโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้
-ดื่มน้ำเยอะๆ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?
ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดและหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ และคลินิกที่เลือกเข้ารับการรักษาให้ดีเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ดำเนินการรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจาก อย. ของประเทศไทย เราขอแนะนำที่นี่ Wandee Clinic สาขาเดอะสตรีทรัชดา กรุงเทพมหานคร @Wandee.bkk สวย ครบ จบ สะอาด ปลอดภัย บริการดีเลิศด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานมากประสบการณ์ที่พร้อมดูแล วิเคราะห์สภาพปัญหาผิว และให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับท่าน